JA Purity IV JA Purity IV
JA Purity IV JA Purity IV
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับเรา
  • ต้นไม้
  • สัตว์
  • เห็ด
  • ผลิตภัณฑ์ของเรา
  • ติดต่อเรา
  1. คุณอยู่ที่:  
  2. หน้าแรก
  3. ต้นไม้
  4. ต้นไม้ขนาดกลาง 10-20 เมตร
  5. มะเกลือ

เลือกภาษาของคุณ

  • Thai (ภาษาไทย)
  • English (United Kingdom)
รายละเอียด
หมวด: ต้นไม้ขนาดกลาง 10-20 เมตร
Toy By Toy
Toy
06.มี.ค.
ฮิต: 15

มะเกลือ

ชื่อสมุนไพร มะเกลือ
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น มะเกือ, มะเกีย (ภาคเหนือ), มะเกือ (ภาคอีสาน), เกลือ (ภาคใต้), มักเกลือ, หมักเกลือ (ตราด, เขมร), ผีผา (ไทยใหญ่)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Diospyros mollis Griff.
ชื่อสามัญ Ebony tree
วงศ์ Ebenaceae

ถิ่นกำเนิดมะเกลือ

มะเกลือเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เป็นต้น โดยมะเกลือจะพบมากตามป่าเบญจพรรณและป่าดิบแล้งที่มีความสูงตั้งแต่ 5-500 เมตร จากระดับน้ำทะเลขึ้นไป สำหรับในประเทศไทยสามารถพบมะเกลือ ได้ทั่วไปทุกภาคยกเว้นภาคใต้ และมีชุกชุมในภาคกลางบางจังหวัด เช่น ราชบุรี สระบุรี ลพบุรี และภาคอีสานบางจังหวัด เช่น นครราชสีมา ชัยภูมิ ขอนแก่น สกลนคร อุดรธานี 

ประโยชน์และสรรพคุณมะเกลือ 

  1. ใช้เป็นยาถ่ายพยาธิลำไส้ พยาธิปากขอ (Hookworm), พยาธิตัวตืด (Tapeworm), พยาธิตัวกลม (Roundworm), พยาธิเส้นด้าย (Threadworm) และพยาธิแส้ม้า (Whipworm)
  2. ช่วยตานซางในเด็ก
  3. ช่วยแก้กษัย
  4. แก้อาเจียน
  5. แก้ลม
  6. แก้ริดสีดวงทวาร
  7. แก้พิษตานซาง
  8. ขับพยาธิ
  9. ต้มน้ำอาบรักษาโรคดีซ่าน
  10. ใช้เป็นยาระบาย

            มีการนำส่วนตางๆ ของมะเกลือมาใช้ประโยชน์ ดังนี้ มะเกลือ เป็นไม้เนื้อแข็ง เนื้อไม้มีสีดำทั่วแก่น นิยมใช้ทำเครื่องเรือนตกแต่งบ้าน เครื่องดินตรี หรือ แปรรูปเป็นเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ โดยมักทำเป็นชิ้นฝังลงไม้อื่นเพื่อให้เกิดลวดลายที่สวยงามต่างกัน หรือ นำเนื้อไม้ผ่าเป็นซีกเล็กๆ คนโบราณนิยมใช้ใส่ในถังน้ำตาลสด น้ำตาลสดจากมะพร้าวเพื่อป้องกันน้ำตาลบูด ป้องกันกลิ่นบูดเน่า ช่วยรักษาความสดของน้ำตาลได้นานขึ้น เปลือกต้น นำมาย่างไฟอ่อนๆ จนออกเหลือง ก่อนใส่ในถังน้ำตาลสด ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการหมักเป็นแอลกอฮอล์ภายใน 1 วัน เรียกว่าน้ำตาลสดชนิดนี้ว่า น้ำตาลเมา เปลือกลำต้น และผลมะเกลือนำมาต้มย้อมผ้า ย้อมแห ซึ่งให้สีดำอมเทา หรือ สีดำอ่อน ส่วนใบนำมาย้อมผ้าได้เช่นกันให้สีเขียวขี้ม้า ผลมะเกลือนำมาตากแห้ง หรือ ใช้ผลสุกบีบผสมกับยาสระผมสำหรับสระผม หรือ ใช้นวดผมโดยตรง ซึ่งช่วยให้ผมดก และมีสีดำขึ้นหรือจะใช้ ผลมะเกลือดิบนำมาบีบให้แตก ก่อนนำมาขัดโลหะ ทำให้โลหะมันเงา 

รูปแบบและขนาดวิธีใช้

ใช้ถ่ายพยาธิ โดยใช้ผลสดโตเต็มที่และเขียวจัด จำนวนผลเท่าอายุแต่ไม่เกิน 25 ผล (คนไข้อายุ 40 ปี ใช้เพียง 25 ผล) ตำหรือคั้นเอาน้ำใส่กะทิ ช่วยกลบรสเฝื่อนแล้ว รับประทานขณะท้องว่างทันทีห้ามตั้งทิ้งเอาไว้ เพราะจะทำให้น้ำเปลี่ยนเป็นสีดำ ซึ่งจะมีพิษ ถ้า 3 ชั่วโมงแล้วยังไม่ถ่ายใช้ยาระบาย เช่น ดีเกลือ 2 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำดื่มตามลงไป ใช้รากฝนกับน้ำซาวข้าว รับประทานแก้อาเจียน แก้ลม หรือนำมาต้มกับน้ำดื่มแก้อาการท้องเสีย รากหรือเปลือก ลำต้นใช้ต้มกับน้ำอาบช่วยรักษาโรคดีซ่าน

ลักษณะทั่วไปของมะเกลือ

มะเกลือจัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 8-15 เมตร และอาจสูงได้ถึง 30 เมตร ผลัดใบ หรือ ไม่ผลัดใบ มีเปลือกสีดำ แตกเป็นสะเก็ดเล็กๆ ตามยาว แก่นมีสีดำสนิท เนื้อละเอียดมันสวยงาม ทุกส่วนของมะเกลือ เมื่อแห้งจะเปลี่ยนเป็นสีดำ ใบอ่อนและกิ่งอ่อนมีขนนุ่มทั้งสองด้าน ใบเดี่ยว เรียงสลับ แผ่นใบรูปไข่ หรือ รูปไข่แกมรูปขอบขนาน กว้าง 1.5-4 เซนติเมตร ยาว 4-8 เซนติเมตร ปลายแหลม โคนสอบมน ขอบใบเรียบ ก้านใบยาว 5-10 เซนติเมตร ใบอ่อนมีขนสีเงิน ใบแก่หนา ผิวเรียบมัน ด้านใต้ใบสีเขียวซีด บางเกลี้ยง เมื่อแห้งสีออกดำเงิน เส้นใบข้าง 10-15 คู่ ก้านใบยาว 0.5-1 เซนติเมตร ดอก สีขาวหรือเหลืองอ่อน แยกเพศอยู่ต่างต้นกัน ดอกเพศผู้ออกรวมเป็นช่อสั้นๆ ตามซอกใบ ประมาณ 3 ดอก กลีบเลี้ยง 4 กลีบ กลีบดอกโคนเชื่อมติดกันเป็นรูปเหยือกน้ำปลายแยก 4 กลีบ โค้งไปข้างหลัง หลอดกลีบดอกกลม 6-8 มิลลิเมตร แยกลึกทั้งสองด้าน ½ ของหลอดกลีบ เกสรตัวผู้มี 14-24 อัน เป็นหมัน 8-10 อัน ไม่มีขน ดอกเพศเมีย ออกเป็นดอกเดี่ยวคล้ายดอกเพศผู้แต่มีขนาดใหญ่กว่า มีขนนุ่มปกคลุม สีเหลือง ก้านดอกยาว 1-3 มิลลิเมตร ก้านเกสรตัวเมีย 4 แฉก รังไข่มีขน ผลสด รูปทรงกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 เซนติเมตร ผิวเรียบเกลี้ยง กลีบจุกผลมีกลีบเลี้ยง 4 กลีบ ติดที่ขั้วของผล ผลดิบสีเขียว ผลสุกสีเหลืองอมดำ และสุกจัดเป็นสีดำสนิท ถัดมาด้านในเป็นเนื้อผล โดยเนื้อผลอ่อนมีสีขาว หากบีบ หรือ ผ่าจะมียางสีขาวขุ่นไหลออกมา และเมื่อสุกผลจะมีสำดำ ถัดมาในสุดเป็นเมล็ด 6-8 เมล็ด โดยเมล็ดจะมีเนื้อหุ้มเมล็ดที่มีสีขาวนวล คล้ายเนื้อของลูกชิด เนื้อนี้มีรสหวานอมฝาด แต่นุ่ม สามารถรับประทานได้ ส่วนด้านในเนื้อหุ้มจะเป็นเมล็ดที่มี ทั้งนี้ ผลมะเกลือ 1 ปี จะออกผลครั้งเดียว และผลจะสุกเป็นสีดำในช่วงฤดูหนาว ประมาณเดือนพฤศจิกายน-มกราคม มีน้ำหนักต่อผลประมาณ 4-8 กรัม ซึ่งหากเก็บผลห่ามมาจากต้น ผลจะเปลี่ยนเป็นสีดำภายใน 5-7 วันเมล็ด 2-3 เมล็ด ลักษณะมีสีเหลือง

การขยายพันธุ์มะเกลือ

มะเกลือสามารถขยายพันธุ์ได้โดยการเพาะเมล็ด โดยมีเทคนิคการเพาะเมล็ด คือ การทำให้เกิดแผลที่ปลายเมล็ดแล้วจึงนำไปเพาะตามปกติ โดยเมล็ดจะใช้เวลาประมาณ 15 วัน จึงจะเริ่มออก และหลังจากเพาะเมล็ด ประมาณ 6 เดือน ต้นกล้าจะมีความสูงประมาณ 30 เซนติเมตร จึงสามารถย้ายไปปลูกได ส่วนวิธีการเตรียมหลุม และการปลูกก็ปลูกเช่นเดียวกันกับไม้ยืนต้นประเภทอื่นๆ ทั้งนี้มะเกลือ สามารถขึ้นได้ดีกับดินทุกชนิด และนิยมปลูกกันในฤดูฝน

 

การศึกษาทางเภสัชวิทยาของมะเกลือ

ฤทธิ์ขับพยาธิผลมะเกลือมีฤทธิ์ขับพยาธิตัวกลม (Toxicara canis) และ พยาธิปากขอ (Ancyclostomacanium) ในสุนัข แต่สารสกัดไม่ให้ผลต่อพยาธิทั้ง 2 และผลมะเกลือสด ในขนาด 1.9 กรัม/กิโลกรัม ไม่ให้ผลไม่สามารถขับพยาธิใบไม้ในเลือด (Schistosoma masoni) และ ตืดแคระ (Hymenolepus nana) ในหนูเม้าส์ แต่ในการทดลองให้น้ำคั้นผลมะเกลือสดแก่สุนัข จำนวน 80 มิลลิลิตร โดยให้ทางท่อสอดถึงกระเพาะอาหาร พบว่าถ้าใช้มะเกลือ ชนิดผลแบนใหญ่สีเขียวนวล สามารถขับพยาธิปากขอได้ร้อยละ 61.9-100 ถ้าใช้มะเกลือชนิดผลกลมเล็กสีเขียว จะขับพยาธิปากขอได้ร้อยละ 58.2-67.5 โดยมีผลขับพยาธิปากขอในสุนัข (Ancylostoma canium) ได้มากกว่าพยาธิปากขอในแมว (A. ceylanicum) และเมื่อศึกษาประสิทธิภาพของมะเกลือในการทำลายไข่พยาธิ โดยผสมอุจจาระกับมะเกลือนาน 3, 24 และ 48 ชั่วโมง จะทำให้การเจริญของไข่จนเป็นตัวอ่อนระยะติดต่อลดลง มีผู้ทดลองนำเอาสารสกัดซึ่งเป็นอนุพันธุ์อะซีเตรตไปทดลองในสุนัข พบว่าได้ผลดีกับพยาธิปากขอในสุนัข (Ancyclostoma canium), ตืดปลา (Diphyllobothrium latum), ตืดสุนัข (Dipyridium canium), พยาธิแซ่ม้าในสุนัข (Trichurisvulpis 

                 การศึกษาทางคลินิกมีรายงานว่า สารสกัดจากมะเกลือ ที่ใช้รักษาคนไข้ สามารถฆ่าพยาธิตัวตืด และพยาธิไส้เดือนได้ดี Sadun และ Vajrasthira ได้รวบรวมรายงานการใช้มะเกลือปี พ.ศ.2477-2478 ซึ่งมีรายงานการรักษาคนไข้โรคพยาธิปากขอ ของโรงพยาบาลศิริราช พบว่าให้ผลดี และยังรายงานผลการรักษาคนไข้ 63 คน โดยใช้น้ำคั้นจากผลสด 4,380 กรัม ผสมกับน้ำมะพร้าว3,000มิลลิลิตร ซึ่งขนาดที่ใช้ขึ้นกับอายุ ในอัตรา 3 มิลลิตร/อายุ 1 ปี ขนาดที่ใช้สูงสุด คือ 75 มิลลิลิตร พบว่า 6 วัน หลังการให้ยาครั้งแรก พบว่าไข่พยาธิลดลงในคนไข้ 9 คน และพบพยาธิลดลงจากการตรวจด้วยวิธี Willis ในคนไข้ 22 คน นอกจากนี้มีรายงานการรักษาเด็กที่เป็นพยาธิปากขอ ในโรงเรียน 40 แห่ง พบว่าน้ำคั้นผลสดผสมน้ำมะพร้าว สามารถรักษาพยาธิปากขอได้ดีกว่าพยาธิไส้เดือน (Ascaris lumbricodes) และพยาธิแซ่ม้า (Trichuris trichicura) และได้ผลดีกว่ารักษาด้วย hexylresorcinol พบผลข้างเคียงเล็กน้อยกับคนไข้ไม่กี่ราย คือ คลื่นไส้ อาการอาเจียน และท้องเสีย 
            ใน พ.ศ.2481 นายแพทย์เวก เนตรวิเศษ ได้ทดลองนำผงที่สกัดมาทดลองให้เด็กและผู้ใหญ่ รับประทานในขนาด 2-4 กรัม พบว่าสามารถฆ่าพยาธิปากขอ พยาธิตัวตืด พยาธิเส้นด้าย และพยาธิตัวกลมได้ 
            นายแพทย์มงคล โมกขะสมิต ได้ทำการทดลองรักษาด้วยตะกอนที่เกิดจากการใส่กรดอะซีติกลงในสารสกัดแอลกอฮอล์ ในคนไข้ 50 คน ซึ่งมีพยาธิชนิดต่างๆ ขนาดที่ให้ในผู้ใหญ่ คือ 2-4 กรัม และในเด็ก 0.1 กรัม/อายุ 1 ปี พบว่าหลังการรักษาไม่พบไข่พยาธิปากขอทั้งชนิด Ancylostomaduodenale และ Necator americanus ในอุจจาระคนไข้ และได้ผลอย่างดีในคนไข้ 6 คน ที่เป็นพยาธิไส้เดือน (Ascarislumbricodes), พยาธิเข็มหมุด (Enterobius vermicularis), พยาธิเส้นด้าย (Strongloides steroralis), พยาธิใบไม้ (Fasciolopis buski) รวมทั้งพยาธิตัวแบน 2 ชนิด คือ ตือวัว (Taeniasaginata) และตืดหมู (T.solium)

            แพทย์หญิงเจริญศรี และคณะได้ทดลองประสิทธิภาพของสารสกัดจากผลมะเกลือสดด้วยแอลกอฮอล์ ในการรักษาคนไข้โรคพยาธิปากขอ โดยใช้ขนาดรักษา 50 มิลลิกรัม/กิโลกรัม หลังอาหารเช้า 10 ชั่วโมง เปรียบเทียบกับการใช้ tetracholrethylene ในขนาดรักษา 0.1 มิลลิกรัม/กิโลกรัม พบว่าสารสกัด สามารถลดจำนวนไข่ได้ร้อยละ 93.9+3.3 ส่วน tetracholrethylene ลดได้ร้อยละ 98.8 +1.2 อัตราการรักษาคิดเป็นร้อยละ 50.0% และ 77.3 ตามลำดับ และพบผลข้างเคียงในกลุ่มคนไข้ที่ทำการรักษา คือ คลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียน และปวดท้อง (8) น้ำคั้นจากผลมะเกลือผสมน้ำปูนใสให้ผลการรักษาที่ดีในคนไข้ที่เป็นพยาธิปากขอ ผลอ่อนให้ผลดีกว่าผลแก่ แต่วิธีการนี้ไม่ควรทำแม้สารสกัดจะมีรสหวานขึ้น เนื่องจากด่างจะทำให้สารสำคัญเปลี่ยนแปลงไปอยู่ในรูปที่ดูดซึมง่ายอาจทำให้ตาบอดได้
            กระทรวงสาธารณสุขมีรายงานการใช้สารสกัดผลมะเกลือด้วยแอลกอฮอล์ในขนาด 50 มิลลิกรัม/กิโลกรัม รักษาพยาธิปากขอ พยาธิไส้เดือน พยาธิแส้ม้า โดยเปรียบเทียบกับ mebendazole ขนาด 2.0 มิลลิกรัม เป็นเวลา 3 วัน พบว่าสารสกัดให้ผลดีกับพยาธิปากขอ แต่ให้ผลรักษาไม่ดีนักกับพยาธิไส้เดือน และพยาธิแส้ม้า สารสกัดทำให้ไข่ลดลงร้อยละ 57.3 ถึง 85.4 ส่วนอัตราการรักษาร้อยละ 23.6-29.0 ส่วน mebendazole ทำให้จำนวนไข่ลดร้อยละ 86.6 สำหรับพยาธิปากขอร้อยละ 98.1 สำหรับพยาธิไส้เดือน และร้อยละ 77.4 สำหรับพยาธิแส้ม้า อัตราการรักษาร้อยละ 32.4, 92.0 และ 79.6 ตามลำดับ 

ข้อแนะนำและข้อควรระวัง

ในการใช้มะเกลือเพื่อเป็นยาถ่ายพยาธินั้น ควรคำนึงถึงข้อแนะนำ และข้อควรระวังดังนี้

  1. ห้ามใช้ในเด็กอายุต่ำว่า 10 ขวบ หญิงตั้งครรภ์ หรือ หลังคลอดใหม่ๆ และผู้ป่วยในโรคต่างๆ
  2. ระวังอย่าใช้เกินขนาด
  3. ควรรับประทานทันทีเมื่อปรุงเสร็จ
  4. ควรเลือกใช้ลูกมะเกลือสดผลสีเขียวเท่านั้น ไม่ควรรับประทานผลมะเกลือสุก หรือ ผลมะเกลือสีดำในการถ่ายพยาธิโดยเด็ดขาด เพราะมีพิษอันตรายมาก อาจทำให้ตาบอดได้
  5. ห้ามปั่นกับน้ำปูนใสเพราะจะทำให้สารสำคัญสลายได้สารกลุ่ม phenolic ซึ่งดูดซึมได้ดีอาจทำให้ตาบอดได้
  6. ผลข้างเคียงอื่นๆ จากการรับประทานผลมะเกลือคือ ทำให้เกิดอาการปวดศรีษะ ท้องเดิน คลื่นไส้ และอาเจียน
  7. สำหรับบางรายการอาจเกิดอาการแพ้ ทำให้เกิดอาการท้องเดินบ่อยๆ มีอาการใจสั่น แน่นหน้าอก มีอาการวิงเวียนศีรษะและอาเจียน มีอาการตามัว หากรุนแรงมากอาจถึงขั้นทำให้ตาบอดได้ ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน
  8. ในปัจจุบันไม่มีการแนะนำให้ใช้ผลมะเกลือในการถ่ายพยาธิแล้ว เนื่องจากมีความเสี่ยง เพราะยังไม่มีการศึกษาวิจัยอย่างแน่นอนว่ามันจะแปรสภาพไปเป็นสารที่ทำให้ตาบอดได้มากน้อยเพียงใด และที่สำคัญโรคพยาธิต่างๆ ในปัจจุบันก็ลดน้อยลงอย่างมากหากเปรียบเทียบกับสมัยก่อน แถมกระทรวงสาธารณสุขก็ไม่แนะนำให้นำมาใช้เป็นยาถ่ายอีกด้วย และก็ไม่มีการนำมาใช้ในการถ่ายพยาธินานมากนับสิบปีแล้ว

 

Toy
Toy
เนื้อหาก่อนหน้า: ทองหลางใบมน ก่อนหน้า เนื้อหาถัดไป: ไผ่สีสุก ต่อไป