- รายละเอียด
- หมวด: ต้นไม้ขนาดเล็ก ไม่เกิน10 เมตร
- By Toy
- ฮิต: 13
แย้มปีนัง
แย้มปีนัง
แย้มปีนัง ชื่อสามัญ Climbing Oleander, Cream Fruit, Poison Arrowvine, Spider-Tresses
แย้มปีนัง ชื่อวิทยาศาสตร์ Strophanthus gratus (Wall. & Hook.) Baill. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Strophanthus gratus Franch.) จัดอยู่ในวงศ์ตีนเป็ด (APOCYNACEAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยส้มลม (APOCYNOIDEAE)
สมุนไพรแย้มปีนัง มีชื่อเรียกอื่นว่า บานทน หอมปีนัง (กรุงเทพฯ)
หมายเหตุ : ต้นแย้มปีนังที่กล่าวถึงในบทความนี้เป็นพรรณไม้คนละชนิดกันกับต้นดาวประดับ (บานบุรีม่วง) ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cryptostegia grandiflora Roxb. ex R.Br.
ลักษณะของแย้มปีนัง
ต้นแย้มปีนัง จัดเป็นพรรณไม้พุ่มขนาดเล็กถึงขนาดกลาง แตกกิ่งก้านจำนวนมากเป็นพุ่มแน่นทึบ ลำต้นมีลักษณะตั้งตรง มีความสูงได้ประมาณ 3-4 เมตร ทุกส่วนของต้นมียางสีขาว ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดและการตอนกิ่ง (การตอนเป็นวิธีที่นิยมและเหมาะสมกว่า แต่มีความจำเป็นต้องใช้ฮอร์โมนช่วย เนื่องจากการออกรากของพันธุ์ไม้หอมชนิดนี้จะค่อนข้างยาก) มีถิ่นกำเนิดในแอฟริกาและเอเชีย มีเขตการกระจายพันธุ์ทั่วประเทศไทย มาเลเซีย เปอร์เซีย และศรีลังกา ชอบดินร่วน ระบายน้ำได้ดี ความชื้นปานกลาง และแสงแดดแบบเต็มวันถึงปานกลาง
ใบแย้มปีนัง ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้าม ลักษณะของใบเป็นรูปรีแกมรูปขอบขนาน ปลายใบเรียวแหลมและมีติ่ง โคนใบสอบ ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 4-6 เซนติเมตร และยาวประมาณ 9-13 เซนติเมตร แผ่นใบหนาคล้ายแผ่นหนัง ผิวใบด้านบนเป็นสีเขียวเข้มเป็นมัน ส่วนท้องใบเป็นสีเขียวปนม่วง
ดอกแย้มปีนัง ออกดอกเป็นช่อแบบช่อกระจุกที่ปลายกิ่ง ช่อละประมาณ 5-20 ดอก ดอกเป็นสีชาวอมม่วงชมพู มีกลิ่นหอม ดอกมีลักษณะเป็นรูปแตร โคนกลีบดอกเป็นหลอดคล้ายรูประฆัง ปลายแยกออกเป็นแฉก 5 แฉก ขอบแฉกมีลักษณะบิดโค้ง เป็นรอยจีบ หรือหยักหว้า มีรยางค์เป็นเส้นสีม่วงเข้มออกมารอบปากหลอด เมื่อดอกบานเต็มที่จะมีขนาดกว้างประมาณ 4-5 เซนติเมตร ดอกย่อยจะทยอยบาน ดอกสามารถบานอยู่ได้หลายวัน ออกดอกมากในช่วงประมาณเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม
ผลแย้มปีนัง ผลแห้งเป็นฝักคู่ติดกัน ลักษณะของผลเป็นรูปเรียวยาว มีความยาวประมาณ 40-45 เซนติเมตร เมื่อผลแก่จะแตกออกเป็นแนวเดียว ภายในมีเมล็ดสีน้ำตาลจำนวนมาก ซึ่งแต่ละเมล็ดจะมีขนกระจุกขาวติดอยู่ตรงส่วนปลายเมล็ดด้านหนึ่ง
สรรพคุณของแย้มปีนัง
1.เมล็ดแย้มปีนังมีสารที่ออกฤทธิ์กระตุ้นหัวใจชื่อว่า “ออเบน” (ouabain) ซึ่งในบางประเทศในยุโรปจะนำไปทำเป็นยาฉีดรักษาโรคหัวใจ (เมล็ด)
2.ตำรายาพื้นบ้านจะใช้เมล็ดเป็นยารักษาโรคหนองใน (เมล็ด)
3.หัวมีสรรพคุณเป็นยาขับลม แก้อาการจุกเสียด ภูมิแพ้ ลดความดันโลหิตสูง (หัว)
ข้อควรระวัง : เมล็ดมีความเป็นพิษสูง (ต้องนำมาสกัดก่อนนำไปใช้) ห้ามนำมารับประทาน หากได้รับพิษจะมีอาการคลื่นไส้ ท้องเสีย หัวใจเต้นเร็วและแรง ต้องรีบทำให้อาเจียน แล้วรีบนำส่งโรงพยาบาลในทันที ส่วนอีกข้อมูลระบุว่า เมล็ดและยางจากเปลือกมีความเป็นพิษ ห้ามรับประทาน หากเคี้ยวหรือกลืนส่วนที่เป็นพิษเข้าไปจะทำให้เกิดอาการอาเจียน ท้องเสีย ปวดศีรษะ มึนงง มองเห็นไม่ชัด หัวใจช้าหรือไม่สม่ำเสมอ ความดันโลหิตลดลง และอาจทำให้ถึงตายได้
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของแย้มปีนัง
1.ฤทธิ์ที่พบได้แก่ ฤทธิ์ยับยั้งการแข็งตัวของเลือด ต้านเชื้อรา กระตุ้นให้กล้ามเนื้อลายหดตัว
2.จากรายงานผลการทดลองเมื่อปี ค.ศ.2001 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าแย้มปีนังมีฤทธิ์ในการลดความดันโลหิตสูงได้ ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาของประเทศจีนที่พบว่าแย้มปีนังมีสารที่ช่วยทำให้เกิดฤทธิ์ในการลดความดันโลหิตสูง
ประโยชน์ของแย้มปีนัง
1.ชาวพื้นเมืองในแอฟริกาจะใช้หัวลูกศรจุ่มยางพิษของต้นแย้มปีนังแล้วนำไปใช้ยิงสัตว์หรือคน
2.ในการใช้งานด้านภูมิทัศน์ นิยมปลูกต้นแย้มปีนังเป็นไม้ประดับสวน ปลูกเพื่อเป็นฉากบังสายตา ปลูกไว้ริมถนน ทางเดิน ลานจอดรถ ฯลฯ เนื่องจากดอกสวยมีกลิ่นหอมเย็น ออกดอกหมุนเวียนตลอดทั้งปี ปลูกเลี้ยงได้ง่าย เจริญเติบโตเร็ว ตัดแต่งเป็นทรงพุ่มได้ดี และทนความแล้ง (แต่ยางมีความเป็นพิษ)