- รายละเอียด
- หมวด: ต้นไม้ขนาดกลาง 10-20 เมตร
- By Toy
- ฮิต: 21
ต้นมะตาด

มะตาด
ชื่อสมุนไพร มะตาด
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น ส้านใหญ่, ส้านป้าว (ภาคเหนือ), สิ้น, ปักสั้นใหญ่, หมากส้มกลีบ (ภาคอีสาน), แส้น (ภาคใต้), แอปเปิลมอญ (ทั่วไป), ตึดรือเหมาะ (กะเหรี่ยง), ส้านหลวง (ไทยใหญ่)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Dillenia indica Linn
ชื่อสามัญ Elephant apple
วงศ์ DILLENIACEAE
ถิ่นกำเนิดมะตาด
มะตาด จัดเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนของทวีปเอเชียบริเวณภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียใต้ เช่นใน ไทย ลาว พม่า กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย อินเดีย ศรีลังกา รวมถึงในมลฑลยูนนานของจีน เป็นต้น สำหรับในประเทศไทยสามารถพบได้ทั่วทุกภาคของประเทศตามป่าดิบชื้น ป่าฝน ป่าพรุ และตามริมแม่น้ำลำธารต่างๆ
ลักษณะทั่วไปของมะตาด
มะตาด จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ไม่ผลัดใบเรือนยอดเป็นทรงพุ่มทึบรูปกลม หรือ รูปไข่ มีความสูงประมาณ 10-20 เมตร ลำต้น ไม่ตรงส่วนมากมักจะคดงอ และมักมีปุ่มปมบนลำต้นเปลือกต้นหนา ต้นเมื่อยังมีอายุไม่มากจะมีสีน้ำตาลอมแดง หรือ สีทองแดง แต่เมื่อแก่เปลือกต้นจะเปลี่ยนเป็นสีเทา และหลุดล่อนออกเป็นแผ่นบางๆ แตกกิ่งก้านในระดับต่ำ ส่วนกิ่งย่อยจะเกิดที่ส่วนปลายของยอดกิ่งหลัก ใบเป็นใบเดี่ยวออกแบบเรียงสลับเป็นช่อบริเวณปลายกิ่งใบเป็นรูปใบหอก หรือ เป็นรูปไข่กลับกว้าง 8-12 เซนติเมตร และยาว 25-30 เซนติเมตร โคนใบเรียวสอบแคบมน ปลายใบแหลมมีติ่งสั้น ขอบใบเป็นหยักและฟันเลื่อย มีหนามเล็กๆ อยู่ที่ปลายสุดของเส้นแขนงตรงขอบใบแผ่นใบหนา แผ่นใบมีลักษณะเป็นคลื่นลอนตามเส้นแขนง ใบ (เส้นแขนงใบมี 30-40 คู่) ที่แยกขนานจากเส้นใบไปขอบใบ ส่วนท้องใบจะเห็นเส้นแขนงชัดเจนและมีขนสั้นๆ ขึ้นประปราย และมีก้านใบลักษณะเป็นร่องยาว 4-5 เซนติเมตร ดอกออกเป็นดอกเดี่ยว โดยจะออกบริเวณง่ามใบและบริเวณกิ่งที่อยู่ใกล้ปลายยอด ก้านดอกยาว 3-5 เซนติเมตร และมีขนสากมือ มีกลีบเลี้ยงดอก 5 กลีบ ลักษณะเป็นแผ่นโค้งคล้ายช้อน ส่วนดอกมีสีขาวนวล และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ลักษณะของกลีบดอกเป็นรูปไข่กลับกลีบดอกหลุดร่วงได้ง่ายบาง กว้าง 15-18 เซนติเมตร มีเกสรตัวผู้สีเหลืองอยู่จำนวนมากล้อมรอบเกสรตัวเมีย โดยเกสรตัวเมียจะมีสีขาว ส่วนยอดของเกสรตัวเมียจะแยกออกเป็นแฉกๆ มีรังไข่ 20 ช่อง ทั้งนี้เมื่อดอกตูมในระยะแรกจะมีลักษณะคล้ายกับผลแต่เมื่อดอกมีขนาดเท่าผลมะนาว ก็จะบานออก เมื่อดอกบาน และได้รับการผสมแล้ว กลีบเลี้ยงจะเริ่มห่อหุ้มเข้ามาใหม่จนมีลักษณะเป็นผลกลมๆ และเจริญเติบโต จนกลายเป็นผล ผลเป็นผลเดี่ยวสด ลักษณะเป็นรูปทรงกลมใหญ่แข็ง ผิวเรียบ เปลือกผลเป็นกาบที่เกิดขึ้นมาจากกลีบเลี้ยงที่อัดกันแน่น ขนาดของผลมีความกว้าง 10-15 เซนติเมตร ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อแก่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเข้ม มีกลิ่นเฉพาะตัว และมีเมือกเหนียว เนื้อผลมีรสเปรี้ยวอมฝาด ภายในผลมีเมล็ดสีน้ำตาลจำนวนมาก กว้าง 0.5-0.8 เซนติเมตร มีเมือกห่อหุ้ม และเมื่อแก่จัดเมล็ดจะมีสีน้ำตาลเข้มไปจนเกือบดำ
ประโยชน์และสรรพคุณ
- เป็นยาบำรุงร่างกาย
- ช่วยในการขับถ่าย
- แก้ไอ
- ช่วยขับเสมหะ
- แก้ปวดท้อง
- ช่วยเคลือบแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้
- ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
- แก้ท้องเสีย
- ช่วยถอนพิษ
- ช่วยระบายพิษไข้
- ช่วยบำรุงเหงือกและฟัน
- ใช้เป็นยาระบาย
- ช่วยสมานแผล
- แก้พิษจากแมลงกัดต่อย
- ใช้รักษาอาการท้องเสีย
- รักษาโรคมะเร็งอีกด้วย
มะตาด ถูกนำมาใช้ประโยชน์หลากหลายประการเช่น มีการนำผลมะตาดใช้รับประทานเป็นผลไม้ หรือ นำกลีบชั้นในจิ้มกับเกลือกิน และยังนำมาใช้ประกอบอาหารได้หลายเมนู อาทิเช่น การทำเป็นแกงส้นมะตาด แกงคั่วมะตาด หรือ ใช้ผลสดจิ้มกินกับน้ำพริก ในส่วนของเมล็ดแก่จัดก็มีการนำมารับประทานสดเป็นของว่างได้โดยจะให้รสมัน ส่วนเปลือก และผลก็สามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการย้อมหนังสัตว์ และทำหมึกได้ ส่วนเนื้อไม้นำมาใช้ทำเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ทั้งเครื่องมือทางการเกษตร เครื่องเรือน หรือ อาจใช้ทำโครงสร้างต่างๆ ของบ้านได้อีกด้วย
นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมีการนิยมนำมะตาด มาปลูกเพื่อใช้เป็นร่มเงาให้ความร่มรื่น เนื่องจากมะตาดมีทรงพุ่มที่ค่อนข้างหนามีใบจำนวนมาก และใบยังมีขนาดใหญ่ อีกทั้งบางท้องถิ่นยังนิยมปลูกเป็นไม้ประดับเนื่องจากมะตาดมีดอกที่สวยงาม และใบยังมีเส้นใบมีลักษณะเป็นริ้วสวยงาม จึงนิยมปลูกไว้ในสถานที่ต่างๆ เช่น วัด โรงเรียน หรือตามอาคารสถานที่ต่างๆ เป็นต้น
รูปแบบและขนาดวิธีใช้
- ใช้เป็นยาเย็นบำรุงร่างกาย ช่วยลดไข้ ระบายพิษไข้ ขับเสมหะ แก้ไอ ช่วยในการขับถ่าย เคลือบแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ แก้ปวดท้อง โดยนำผลสุกมารับประทานสด
- ใช้ถอนพิษไข้ ระบายพิษไข้ แก้ท้องเสีย ใช้เป็นยาระบาย โดยนำเปลือกต้นมะตาด มาต้มกับน้ำดื่ม
- ใช้ลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยนำเมล็ดมาทุบให้แตกต้มกับน้ำดื่ม
- ใช้ทำให้เหงือก และฟันกระชับแน่น โดยนำเปลือกต้นมาเคี้ยว อมน้ำที่ได้แล้วใช้กลั้วปาก
- ใช้สมานแผล โดยนำเปลือกต้น และใบมาตำพอกบริเวณที่เป็นแผล
-
การขยายพันธุ์มะตาด
มะตาด สามารถขยายพันธุ์ได้โดยวิธีการใช้เมล็ด และการตอนกิ่ง ยังเป็นพันธุ์ไม้ที่มีความทนแล้ง และทนน้ำท่วมได้ดี ในปัจจุบันนิยมปลูกกันมากใน จังหวัดปทุมธานี ราชบุรี และกาญจนบุรี โดยเฉพาะในชุมชนชาวมอญ สำหรับวิธีการเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง และวิธีการปลูกมะตาดนั้น สามารถทำได้เช่นเดียวกันกับการเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง และการปลูกไม้ยืนต้นชนิดอื่นๆ ที่ได้กล่าวมาแล้วในบทความก่อนหน้านี้
-
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
สำหรับการใช้มะตาด รับประทานเป็นผลไม้ควรรับประทานแต่พอดีเพราะมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว หากรับประทานมากเกินไปอาจทำให้ปวดในท้องได้ ส่วนในการนำมาใช้เป็นยาสมุนไพร ก็ควรระมัดระวังในการใช้เช่นเดียวกันกับการใช้สมุนไพรชนิดอื่นๆ โดยควรใช้ในขนาดและปริมาณที่เหมาะสมที่ได้กำหนดไว้ในตำรับตำรายาต่างๆ ไม่ควรใช้ในขนาดและปริมาณที่มากจนเกินไป หรือ ใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานจนเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้