JA Purity IV JA Purity IV
JA Purity IV JA Purity IV
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับเรา
  • ต้นไม้
  • สัตว์
  • เห็ด
  • ผลิตภัณฑ์ของเรา
  • ติดต่อเรา
  1. คุณอยู่ที่:  
  2. หน้าแรก
  3. ต้นไม้
  4. ต้นไม้ขนาดกลาง 10-20 เมตร
  5. หูกวาง

เลือกภาษาของคุณ

  • Thai (ภาษาไทย)
  • English (United Kingdom)
รายละเอียด
หมวด: ต้นไม้ขนาดกลาง 10-20 เมตร
Toy By Toy
Toy
27.มี.ค.
ฮิต: 14

หูกวาง


ชื่อสมุนไพร หูกวาง
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น โขน, โคน, คัดมือ, ตาปัง, หลุมปัง, ตาแป (ภาคใต้)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Terminalia catappa Linn.
ชื่อสามัญ Tropical almond, Indian almond, Sea almond, Umbrella tree, Oliver-bark tree
วงศ์ COMBRETACEAE

ถิ่นกำเนิดหูกวาง

หูกวาง จัดเป็นพันธุ์ไม้ที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในเขตร้อนของทวีปเอเชีย อาทิเช่น ในเอเชียใต้ ได้แก่ อินเดีย ศรีลังกา บังคลาเทศ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น พม่า ไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย รวมถึงในเอเชียโอเชียเนีย เช่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ด้วย จากนั้นจึงได้มีการแพร่กระจายพันธุ์ไปยังเขตร้อนต่างๆ ทั่วโลก สำหรับในประเทศไทย สามารถพบได้ทั่วทุกภาคของประเทศ แต่ส่วนมากจะพบได้มากตามชายฝั่งทะเลทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ ภาคตะวันตกเฉียงใต้ และภาคใต้

ประโยชน์และสรรพคุณหูกวาง

  • แก้ไข้
  • แก้หวัด
  • แก้บิด
  • แก้ท้องร่วง
  • ขับน้ำนมในสตรี
  • ใช้เป็นยาระบาย
  • แก้คุดทะราด
  • ใช้เป็นยาขับลม
  • รักษาตกขาวของสตรี
  • รักษาโรคโกโนเรีย
  • ใช้สมานแผล
  • ใช้ขับเหงื่อ
  • แก้ต่อมทอนซิลอักเสบ
  • รักษาโรคทางเดินอาหาร 
  • รักษาโรคตับ
  • ช่วยบรรเทาอาการเจ็บหน้าอก
  • แก้ไขข้ออักเสบ
  • แก้ติดเชื้อในแผล
  • แก้ผดผื่นคัน
  • รักษาโรคผิวหนังจากเชื้อรา
  • ใช้ยาถ่ายพยาธิ
  • บำรุงร่างกาย
  • บำรุงเลือด
  • บำรุงหัวใจ
  • แก้นิ่ว
  • แก้ขัดเบา
  • แก้ซางในเด็ก
  • แก้ปวดตามข้อ
  • ใช้แก้ประจำเดือนมาไม่ปกติในสตรี

หูกวางถูกนำมาใช้ประโยชน์ตั้งแต่อดีตในหลายๆ รูปแบบ อาทิเช่น ในสมัยก่อนนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ เนื่องจากใบหูกวาง มีลักษณะใบใหญ่ สีเขียวอ่อน แลดูสวยงาม สดชื่อ และให้ร่มเงาได้เป็นอย่างดี ส่วนเมล็ดหูกวางสามารถนำมารับประทานได้ โดยนำเนื้อในเมล็ดมารับประทานทั้งแบบสดๆ และใช้เผาไฟรับประทาน อีกทั้งยังสามารถนำเมล็ดไปทำเป็นน้ำมันเพื่อนำไปใช้บริโภค หรือ ทำเครื่องสำอางได้อีกด้วย ในส่วนของเนื้อไม้สามารถนำมาแปรรูปเป็นไม้แผ่นสำหรับก่อสร้างบ้าน ทำเครื่องเรือน หรือ เฟอร์นิเจอร์ได้โดย เนื้อไม้จะมีสีแดง หรือ น้ำตาลออกดำบริเวณแก่น มีเสี้ยนละเอียดสามารถขัด และชักเงาได้ดี ส่วนใบสามารถนำมาใช้ทำสีย้อมผ้า ซึ่งจะให้สีเขียวในใบอ่อน และสีเหลืองในใบแก่ ส่วนของราก และผลดิบก็ใช้ในการฟอกย้อมหนังใช้ในการผลิตหมึกสีดำอีกด้วย

รูปแบบและขนาดวิธีใช้

  • ใช้แก้ไข้ แก้หวัด ท้องเสีย แก้โรคบิด ใช้เป็นยาระบาย แก้คุดทะราด และช่วยขับน้ำนมของสตรี โดยนำทั้งต้นหูกวาง (5 ส่วน) มาต้มกับน้ำดื่ม
  • ใช้แก้โรคตับ แก้ปวดตามข้อ แก้ท้องเสีย แก้บิด แก้โรคติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร แก้ซางในเด็ก แก้โกโนเรีย แก้อาการตกขาว ขับลมโดยนำเปลือกต้นมาต้มกับน้ำดื่ม
  • ใช้ขับเหงื่อ ลดไข้ แก้ต่อมทอนซิลอักเสบ ใช้ถ่ายพยาธิ รักษาอาการปวดตามข้อ ใช้เป็นยาระบาย โดยนำใบมาต้มกับน้ำดื่ม
  • ใช้แก้ประจำเดือนของสตรีมาไม่ปกติ โดยนำรากมาต้มกับน้ำดื่ม
  • แก้ติดเชื้อในแผล ทำให้แผลหายเร็ว โดยนำใบสดมาตำพอกบริเวณแผล
  • ใช้รักษาแผล รักษาโรคผิวหนังจากเชื้อรา แก้ผดผื่นคัน โดยนำใบมาต้มกับน้ำอาบ

ลักษณะทั่วไปของหูกวาง

หูกวาง จัดเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลาง ทึบมีความสูงของต้นประมาณ 10-15 เมตร มีเรือนยอดหนาแน่น แตกกิ่งก้านแผ่ออกในแนวราบเป็นชั้นๆ คล้ายฉัตร หรือ พีรามิด ลำต้นเปลาตรง เปลือกลำต้นเป็นสีน้ำตาลปนเทาเกือบเรียบ แตกเป็นร่องตื้นๆ ตามแนวนอนและแนวตั้ง และลอกออกเป็นสะเก็ดเล็กๆ ต้นที่มีอายุมาก และมีขนาดใหญ่จะมีพูพอนที่โคนต้น กิ่งอ่อนมีขนสีน้ำตาล ส่วนเนื้อไม้เป็นสีแดงเปราะหักง่าย มีเสี้ยนไม้ละเอียดสามารถขัดชักเงาได้ดี  ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงเวียนสลับหนาแน่นบริเวณปลายกิ่ง ลักษณะแผ่นใบเป็นรูปไข่กลับ ยาว 12-25 เซนติเมตร โคนใบสอบแคบมีต่อม 1 คู่ ปลายใบแหลมเป็นติ่งสั้นๆ ขอบใบเรียบเป็นคลื่นเล็กน้อย แผ่นใบ เมื่อยังอ่อนมีสีเขียวเข้มหนา ด้านล่างจะมีสีอ่อนกว่า และมีขนนุ่มปกคลุม ใบแก่ใกล้หลุดร่วงเป็นสีส้มแดง และมีก้านใบยาว 0.5-1.5 เซนติเมตร ดอกออกเป็นช่อเชิงลดบริเวณซอกใบ หรือ ปลายกิ่ง โดยเป็นรูปเป็นแท่งสีขาวนวล ยาวประมาณ 8-12 เซนติเมตร และมีดอกย่อยสีขาวที่ขนาดเล็ก ประกอบด้วยโคนกลีบเลี้ยงที่เชื่อมติดกัน ส่วนปลายแยกเป็น 5 แฉก รูปสามเหลี่ยม ไม่มีกลีบดอก ซึ่งดอกเพศผู้จะอยู่ปลายช่อ และมีดอกสมบูรณ์เพศบริเวณโคนช่อ ผลเป็นผลเดี่ยวแข็ง มีขนาดกว้าง 2-5 เซนติเมตร และยาว 3-7 เซนติเมตร ลักษณะผลเป็นรูปทรงรีค่อนข้างแบนเล็กน้อย ผิวผลเรียบ ผลด้านข้างเป็นสันบางๆ นูนออกรอบผล ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อแก่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง มีกลิ่นหอม และเมื่อผลแห้งจะเป็นสีดำคล้ำ เปลือกผลมีเส้นใยมาก ในแต่ละผลจะมีเมล็ด 1 เมล็ด เมล็ดมีขนาดใหญ่รูปไข่ หรือ รูปรี แบนป้อมเล็กน้อย คล้ายอัลมอนด์ เมื่อเมล็ดแห้งจะเป็นสีน้ำตาล เปลือกแข็งภายในมีเนื้อสีขาวจำนวนมาก

การขยายพันธุ์หูกวาง

หูกวางสามารถขยายพันธุ์โดยวิธีการเพาะเมล็ด และการปักชำกิ่ง แต่วิธีที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน คือ การเพาะเมล็ด โดยมีวิธีการดังนี้

           เริ่มจากเก็บเมล็ดมาปลูกขยายพันธุ์ ซึ่งควรเก็บเมล็ดที่แก่ ซึ่งเมล็ดหูกวาง จะมีเปลือกหนาแข็ง ควรนำมาตากแห้ง และนำมาแช่น้ำประมาณ 3-5 วันก่อนปลูก จากนั้นทำการปลูกในถุงเพาะชำ ที่ได้ผสมดินกับวัสดุการเกษตร เช่น ปุ๋ยคอก แกลบ ขี้เถ้า ขี้เลื่อย และขุ่ยมะพร้าวอย่างใดอย่างหนึ่ง ในอัตรา 1:1 หรือ 2:1 จากนั้นรดน้ำให้ชุ่มคอยดูแลให้น้ำประมาณ 15-20 วัน ก็จะเกิดเป็นต้นกล้า เลี้ยงต้นกล้าต่ออีกประมาณ 15 วัน ก็สามารถนำไปปลูกได้

องค์ประกอบทางเคมี

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับองค์ประกอบทางเคมี ของสารสกัดจากใบ และเปลือกต้นของหูกวาง ระบุว่าพบสารออกฤทธิ์ที่สำคัญหลายชนิด อาทิเช่น tectochrysin, luteolin, kaempferol 3,7,4′-trimethyl ether, kaempferol, gallic acid, stigmasterol, daucosterol, β-sitosterol, geraniin, granatin B, corilagin, terflavins A และ B, punicalagin, punicalin, tergallagin, chebulagic acid, tercatain, Terminalin, Isovitexin, Isoorientin, Orientin, Corilagin, Vitexin

การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของหูกวาง

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของสารสกัดหูกวาง จากใบและเปลือกต้นระบุว่า มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่สำคัญหลายประการ อาทิเช่น มีการศึกษาฤทธิ์การต้านเบาหวานของใบหูกวางในหนูทดลองที่ได้รับการกระตุ้นด้วยสเตรปโตโซโตซิน (STZ) จากสารสกัดเอทานอลจากใบหูกวาง ที่มีความเข้มข้น (300 และ 500 มก./กก.) จากนั้นค่าวิเคราะห์พารามิเตอร์ทางชีวเคมีในตัวอย่างเลือด เปรียบเทียบผลลัพธ์ของการรักษาด้วยสมุนไพรกับยามาตรฐาน glibenclamide พบว่าสารสกัดเอธานอล (500 มก./กก.) มีฤทธิ์ต้านเบาหวานอย่างมีนัยสำคัญโดยการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำตาลในเลือด ไกลโคซิเลตฮีโมโกลบิน ไกลโคเจนในตับ ระดับ กรดยูริก และครีเอตินีนในขณะเดียวกันก็สามารถเพิ่มระดับอินซูลินในเลือดอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าสารสกัดจากใบของหูกวาง ยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อจุลชีพ ต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ ทำให้กล้ามเนื้อเรียบคลายตัว และลดอาการปวดได้อีกด้วย

ข้อแนะนำและข้อควรระวัง

สำหรับการนำหูกวาง มาใช้ประโยชน์ในรูปแบบสมุนไพรนั้นควรระมัดระวัง เช่นเดียวกันกับการใช้สมุนไพรชนิดอื่นๆ โดยควรใช้ในขนาด และปริมาณที่เหมาะสมตามที่ได้ระบุไว้ในตำรับตำรายาต่างๆ ไม่ควรใช้ในขนาดที่มากจนเกินไป หรือ ใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานจนเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้ อีกทั้งผู้ที่เป็นภูมิแพ้ละอองเกสรควรระวัง ในการใช้เพราะอาจจะแพ้ละอองเกสรของต้นหูกวางได้

Toy
Toy
เนื้อหาก่อนหน้า: มะสัง ก่อนหน้า เนื้อหาถัดไป: มะหวด หรือหวดข่า ต่อไป